กรณีศึกษา ทำผิดกฎหมาย ไร้โอกาสแก้ตัว กรีนวู้ด

กรณีศึกษา เมสัน กรีนวู้ด กองหน้าอัจฉริยะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกยกย่องว่ามีพรสวรรค์ที่จะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ได้
เขายิงได้หนักเท่ากัน ทั้งซ้าย-ขวา จนคุณแยกไม่ออกเลยว่าเท้าไหนคือข้างถนัด นอกจากนั้นยังมีความเร็วที่น่ากลัวมาก เซนส์ของการทำประตูก็เหลือเชื่อ
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อดีตผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ดเคยกล่าวชมว่า “นี่เป็นนักเตะที่เล่นได้ 4 ตำแหน่ง เบอร์ 10 เบอร์ 7 เบอร์ 11 และ เบอร์ 9 เขาถนัดซ้ายแต่เอาจริงๆ คือเล่นได้ดีเท่ากันสองเท้า เขาเป็นนักเตะประเภทที่คุณบอกได้ว่า ถนัดสองเท้า 50 : 50 ขนาดนั้นเลย หรือบางทีอาจจะถนัดเท้าซ้ายมากกว่านิดนึง ประมาณ 51 : 49 “
ไม่แปลกใจที่แกเร็ธ เซาธ์เกต จะเห็นความสามารถ และส่งเขาลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ด้วยวัยแค่ 18 ปีกับอีก 10 เดือนเท่านั้น คืออนาคตสดใสแบบสุดๆ หลายคนบอกว่า กรีนวู้ด อาจได้เล่นฟุตบอลโลกถึง 4 ครั้งสบายๆ
ด้วยฟอร์มที่ดีมากๆ ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป 5 ปีเต็ม จนถึงเดือนมิถุนายน 2025 ด้วยค่าเหนื่อยวีกละ 75,000 ปอนด์ ซึ่งก็เหมาะสมดี กับดาวรุ่งพุ่งแรงระดับนี้
กรีนวู้ด เกิดในครอบครัวฐานะดี พ่อเป็นวิศวกร แม่เป็นแม่บ้าน อยู่กับอะคาเดมี่ของสโมสรตั้งแต่เด็ก ไม่มีสัญญาณอันตรายใดๆ และการต่อสัญญาระยะยาวของทีมปีศาจแดงก็ไม่มีความเสี่ยงใดๆ เลยด้วย
จนถึงวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2022 ในขณะที่ชีวิตของกรีนวู้ดกำลังรุ่งโรจน์ ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น เมื่อแฮร์เรียต ร็อบสัน แฟนสาวของกรีนวู้ด ลงคลิปสั้นๆ พร้อมรูปถ่ายที่เธอมีเลือดเต็มหน้าในอินสตาแกรม
นอกจากนั้นยังมีรูปถ่ายแขนขาฟกช้ำทั่วตัวเหมือนโดนซ้อมมา แล้วเขียนข้อความว่า “สำหรับคนที่อยากรู้ว่าเมสัน กรีนวู้ด ทำอะไรลงไปกับตัวฉัน”
ภาพร่างกายน่วมก็ว่าแย่แล้ว ที่หนักกว่าคือร็อบสันลงคลิปเสียงความยาว 52 วินาทีแนบมาด้วย โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2021 ซึ่งใครฟังก็รู้ว่าเป็นเสียงของ กรีนวู้ดกับร็อบสันกำลังทะเลาะกัน
โดยเนื้อหาคำต่อคำจากคลิปนั้น มีดังนี้
กรีนวู้ด : แฮร์เรียต กางขาออกสิวะ! แม่งเอ๊ย กางขาของมึงออก!
แฮร์เรียต : ไม่ ฉันไม่ต้องการจะมีเซ็กส์
กรีนวู้ด : กูไม่สนว่ามึงจะต้องการอะไรอีเวร หุบปากไป อย่ามาพูดกับกู
แฮร์เรียต : อย่าเอาจู๋ (Dick) มาใกล้ๆ ฉันนะ ฉันไม่อยากจะมีเซ็กส์
กรีนวู้ด : กูไม่สนว่ามึงจะอยากมีอะไรกับกูหรือเปล่า มึงได้ยินมั้ย
แฮร์เรียต : ทำไมฉันต้องโดนอะไรแบบนี้ด้วย
กรีนวู้ด : ก็เพราะกูขอมึงแบบสุภาพแล้วมึงไม่ยอมไง กูขอมึงดีๆ แล้วนะ แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ถ้าผลักกูออกไปอีกทีเดียวนะ คอยดูให้ดีละกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมึง
แฮร์เรียต : ไม่
กรีนวู้ด : ได้ มึงคอยดูละกันว่าจะเจออะไร
ทั้งคลิปและรูป ถูกโพสต์เป็นระยะเวลาแค่แป้บเดียวเท่านั้นก็โดนลบทิ้ง อารมณ์เหมือนฝ่ายหญิงโมโหอยากแฉฝ่ายชาย แต่แค่นั้นก็มากพอแล้ว ที่คนจะแคปแล้วเอาไปแชร์ต่อทั้งโลก
ไม่ต้องปิดบัง ไม่ต้องโกหกอะไร หนียังไงก็ไม่พ้น เพราะทุกคนรู้ว่า นั่นคือเสียงของกรีนวู้ดแน่นอน
เมื่อข่าวมันออกไปแล้ว ไม่สำคัญว่าฝ่ายหญิงโพสต์ไปด้วยอารมณ์หรือไม่ แต่กรีนวู้ด ถูกอัยการที่อังกฤษเล่นงานทันที เพราะสิ่งที่เขาทำคือคดีอาญา เขาโดน 3 กระทงคือ พยายามข่มขืน, ทำร้ายร่างกาย และ บังคับขู่เข็ญจิตใจ
สิ่งที่ทุกคนรู้ และกรีนวู้ดก็ยอมรับ คือในคลิปนั่นเป็นเขาจริง และการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นจริง แต่คดี ณ เวลานี้ยังไม่สิ้นสุด กรีนวู้ดประกันตัวออกมาขอสู้คดีกันตามกฎหมาย โดยศาลจะไปตัดสินในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2023
สิ่งที่น่าสนใจคือ Reaction ของคนที่เกี่ยวข้องกับกรีนวู้ด โดยสปอนเซอร์หลักไนกี้ ยกเลิกสัญญาทันที เช่นเดียวกับเกม FIFA 22 ก็ถอดกรีนวู้ดออกจากเกม
ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้นสังกัด ที่เพิ่งเซ็นสัญญากับกรีนวู้ดถึงปี 2025 ก็ตัดสินใจ ไม่ใช้งานกรีนวู้ดอีกเลยนับจากวันนั้น และเลิกขายเสื้อแข่งขันที่มีคำว่า GREENWOOD อีกด้วย
พวกเขายอมจ่ายเงิน 75,000 ปอนด์ไปเรื่อยๆ ทุกวีก ตามสัญญาที่มี แต่เลือกไม่ใช้งาน และไม่ส่งให้ใครยืมตัว มันคือการรับผิดชอบต่อสังคมแบบหนึ่ง
ในทางทฤษฎี พรีเมียร์ลีกไม่ได้ห้ามกรีนวู้ดลงสนาม เขาสามารถเล่นได้ จริงอยู่กรีนวู้ดไม่ได้มีชื่อลงทะเบียนใน Squad 25 คนแรก แต่เป็นนักเตะอายุไม่เกิน 21 ปีที่แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถส่งลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ได้
ร่างกายเขาก็ยังดูฟิตสมบูรณ์ดี ถ้าหากลงสนามก็อาจสร้างประโยชน์บางอย่างได้ แต่แมนฯ ยูไนเต็ดทำแบบนั้นไม่ได้
เหตุผลก็เรียบง่ายมาก คนที่โดนคดีอาญา ต่อให้ศาลยังไม่ตัดสิน แต่เมื่อมีแนวโน้มว่าจะทำผิดจริง ภาพลักษณ์มันก็เสียไปแล้ว ต่อให้มีพรสวรรค์แค่ไหน ก็เอาลงไม่ได้ มันคือความรับผิดชอบต่อสังคมที่สโมสรฟุตบอลระดับนี้ควรพึงกระทำ
ถ้าสุดท้ายแล้ว ศาลตัดสินยกฟ้องทุกคดี กลายเป็นว่าแฟนสาวกุเรื่องขึ้นมาทั้งหมด แบบนี้กรีนวู้ดอาจจะรอดกลับมาเตะบอลได้ แต่กว่าจะถึงวันนั้น แมนฯ ยูไนเต็ดไม่สามารถส่งเขาลงเล่นแล้วเสี่ยงให้ตัวเองเสียภาพลักษณ์ได้จริงๆ